วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ผ่า 5 ขุมทรัพย์การเมือง “ตลาดหุ้น-สัมปทาน-งบประมาณ-ปล่อยสินเชื่อ-ซื้อขายตำแหน่ง”

ผ่า 5 ขุมทรัพย์การเมือง "ตลาดหุ้น-สัมปทาน-งบประมาณ-ปล่อยสินเชื่อ-ซื้อขายตำแหน่ง"

วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21:40:51 น.







เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดเสวนาหัวข้อ "ขุมทรัพย์พรรคการเมือง.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ราชบัณฑิต กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคการเมืองเป็นกลไกสำคัญที่สุดในระบบประชาธิปไตย เพราะมีหน้าที่คัดเลือกบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมือง จัดทำนโยบายและให้การศึกษาทางการเมืองแก่สังคม แต่พรรคการเมืองไทยกลับทำหน้าที่เหล่านี้ไม่สมบูรณ์มุ่งเน้นแต่ผลประโยชน์

 

 

สาเหตุที่พรรคการเมืองประเทศไทยแตกต่างกับที่อื่นได้แก่ 

1.ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ ซึ่งในอดีตฝ่ายปกครองมองว่าประชาชนไทยยังทำไร่ทำนา หากปล่อยให้จัดตั้งพรรคการเมืองก็จะถูกชาวจีนซึ่งกุมอำนาจทางเศรษฐกิจไว้แล้วครอบครอง จึงมีการออกกฎหมายเพื่อขัดขวางไม่ให้มีการจัดตั้งพรรคการเมือง

2.บริบทสังคมไทยในอดีตไม่มีปัจจัยเอื้อให้ประชาชนรู้สึกว่าต้องมีส่วนร่วมทางการเมือง เห็นว่าไม่จำเป็นต้องมารวมตัวกันเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง 

3.การเมืองไทยถูกแทรกแซงจากอำนาจทหารอยู่เป็นระยะ พรรคการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ได้เพียงเวลาสั้นๆ


 "การตั้งพรรคการเมืองในปัจจุบันมีวัตถุประสงค์เดียวคือแข่งขันเลือกตั้ง"ศ.ดร.ชัยอนันต์ กล่าว และว่าผู้นำของแต่ละพรรคการเมืองไม่มีเวลาพิสูจน์ตัวเองให้ประชาชนและสังคมเห็นซึ่งแตกต่างกับในต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไป

 

 

.ดร.ชัยอนันต์ กล่าวอีกว่า พรรคการเมืองที่เข้ามาหาผลประโยชน์จากงบประมาณของรัฐเพิ่งเกิดขึ้นมาช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ในปัจจุบันเป็นการสมทบกันจัดทำโครงการเพื่อหากินโดยอ้างประชาชน ซึ่งแตกต่างกับในอดีตที่พรรคการเมืองจะหากินกันจากค่าคอมมิชชั่นเท่านั้น เหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากประชาชนไม่มีข้อมูลและพรรคการเมืองสามารถอ้างความชอบธรรมเพราะได้รับการเลือกตั้ง

 

 

"พรรคการเมืองมีหน้าที่อย่างเดียวคือรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง จากนั้นก็เข้าไปแบ่งสรรปันส่วนกันในกระทรวงต่างๆ หัวหน้ารัฐบาลถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่าเมื่อให้พรรคอื่นไปดูกระทรวงใด ตัวเองก็ไม่มีสิทธิไปควบคุมดูแล เป็นสาเหตุให้ประชาชนไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้"ศ.ดร.ชัยอนันต์กล่าว

 

 

.ดร.ชัยอนันต์ กล่าวว่า การคอรัปชั่นถูกมองว่าเป็นการกินงบประมาณแผ่นดินที่ไม่มีใครรู้สึกเป็นเจ้าของ ส่วนตัวยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะจับการทุจริต เพราะพรรคการเมืองหาเงิน ทาง 

1.หัวหน้าพรรคทำคนเดียว 

2.ช่วยกันหาโดยสร้างภาพหัวหน้าพรรคให้เป็นคนดี แต่ให้ลูกพรรคแสวงหาผลประโยชน์ จึงอยากเสนอให้ยึดทรัพย์ที่พบข้อพิรุธมาก่อน หากพิสูจน์ได้ก็ค่อยคืน

 

 

นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันอิศรา กล่าวว่า ในปัจจุบันไม่มีพรรคการเมืองใดทำนโยบายต้านคอรัปชั่น ถามว่าเป็นเพราะเข้าตัวหรือไม่ ส่วนตัวแบ่งขุมทรัพย์นักการเมืองออกเป็น ประเภท

1.ตลาดหุ้น เช่น การปั่นหุ้น-ขายวอร์เร้นซ์ การใช้ข้อมูลภายในเพื่อแสวงหากำไร ฉ้อโกงบริษัท-ไซฟอนเงินใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้ราคาหุ้นสูง 

2.การผูกขาดสัมปทาน

3.การจัดซื้อจัดจ้างจากงบประมาณแผ่นดิน หากรั่วไหลเพียง 20% จะเป็นเงินกว่า แสนล้าน เช่น โครงการเงินกู้ โครงการรับจำนำสินค้าเกษตร โครงการต่างๆ ของรัฐวิสาหกิจซึ่งมีขนาดใหญ่ งบภัยพิบัติ 

4.การปล่อยสินเชื่อธนาคาร 

5.ซื้อขายตำแหน่ง เช่น ตำรวจ กระทรวงทรัพย์ฯ ผู้ว่าราชการฯ ทั้งนี้เชื่อว่าการเปิดเผยข้อมูลจะทำให้การทุจริตลดลง แต่คำถามคือจะทำกันอย่างไร

 

 

รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สิ่งที่พบในนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง ได้แก่ 

1.การเสนอทำโครงการขนาดใหญ่ซึ่งมักจะใช้เงินกู้ จำเป็นต้องจับตาเพราะง่ายต่อการทุจริต 

2.โครงการแก้ปัญหาความเดือดร้อนและประชานิยม เช่น การประกาศภัยแล้ง ภัยหนาว ทุกปี มีการนำงบลงพื้นที่จำนวนมาก รวมถึงโครงการเอสเอ็มแอล แต่นักการเมืองกลับเสนอแกมบังคับว่าแต่ละชุมชนควรทำอะไร 

3.โครงการประเภทแทรกแซงตลาดแต่สุดท้ายก็ต้องจ่ายแพงขึ้นกว่าเดิมมาก เช่น โครงการน้ำมันปาล์ม

 

 

"การเปิดเผยข้อมูลเป็นเรื่องที่สำคัญมากความสำเร็จของการต่อสู้คอรัปชั่น ในประเทศเกาหลีมีการทำฐานข้อมูลทั้งการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เมื่อเราเชื่อว่าทุกการกระทำย่อมมีร่องรอยปรากฏ ฐานข้อมูลยิ่งทำให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริจาคให้นักการเมือง แม้หน้าฉากจะบริจาคน้อยแต่เราจะทราบได้ว่าบุคคลใดเกี่ยวโยงกับใคร มีผลประโยชน์อะไร" ดร.นวลน้อย กล่าว

 

 

รศ.ดร.นวลน้อย กล่าวอีกว่า สื่อมวลชนทุกวันนี้แข่งกันเรื่องความเร็วเป็นหลัก ซึ่งมีโอกาสตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองได้ นอกจากเรื่องความเร็วแล้วอยากให้สื่อมวลชนให้มิติของความลึกด้วย ที่สำคัญขอเสนอให้สื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ตั้งโต๊ะข่าวสำหรับตรวจสอบคอรัปชั่นโดยเฉพาะด้วย

 

 

 ก่อนการเสวนา มีการเปิดตัวเว็ปข่าวเจาะ www.tcijthai.com โดยศูนย์ข้อมูลข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (Thailand Information Center for Civil Rights and Investigative journalism : TCIJ) ร่วมกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ไทย

 

 

นางสุชาดา จักรพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดทำเว็ปไซต์ข่าวสืบสวน (TCIJ) ว่า เพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะให้กับข่าวสืบสวนสอบสวนซึ่งห่างหายไปจากสื่อกระแสหลัก ในปัจจุบันเพราะมีข้อจำกัดด้านระยะเวลา งบประมาณ และปัจจัยการลงพื้นที่ โดย TCIJ มุ่งหวังเป็นส่วนเติมเต็มข้อมูลเชิงลึกให้กับสังคม ทั้งนี้เว็ปไซต์ TCIJ จะแบ่งการทำงานออกเป็น ส่วน ได้แก่1.ข่าวสืบสวนออนไลน์ 2.ฐานข้อมูลออนไลน์ 3.ข่าวพลเมือง

 

 

สำหรับประเด็นข่าวสืบสวนสอบสวนปรากฏอยู่ในเว็ปไซต์ขณะนี้ อาทิ การเปิดถุงเงินของแต่ละพรรคการเมืองและเครือข่ายผลประโยชน์ต่างๆ นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีน..ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นใคร?งบจูงใจสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 1,800 ล้านบาท ตะลึงฟอร์มาลินในปลาทับทิมจากคนเลี้ยงถึงคนกิน ส่วนบทบาทด้านฐานข้อมูล อาทิ บริษัทที่ได้รับสัมปทานพิมพ์บัตรเลือกตั้งตลอดจากอดีตถึงปัจจุบันเป็นใครบุคคลเหล่านั้นเกี่ยวโยงกับฝ่ายการเมืองอย่างใด

 

 

"ข่าวสืบสวนสอบสวนมักจะต้องไปพาดพิงกับผู้มีอำนาจ แม้ผู้สื่อข่าวอยากทำข่าวเชิงลึกแต่ก็มักจะถูกแทรกแซงผ่านโฆษณา ผลประโยชน์ กองบรรณาธิการ เว็ปไซต์นี้จึงเปิดพื้นที่ให้ผู้สื่อข่าวเหล่านั้นได้ทำงานอย่างอิสระ โดยข้อมูลที่นำเสนอผ่านเว็ปไซต์ TCIJ ล้วนแต่เป็นผลงานของผู้สื่อข่าวมืออาชีพ" ผู้อำนวยการTCIJ กล่าว



วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ขสมก.จ้างเอกชนนำร่องเมล์เอ็นจีวี

ขสมก.จ้างเอกชนนำร่องเมล์เอ็นจีวี

นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตามแผนการปรับปรุงการบริหารกิจการขสมก. จะต้องใช้ สัญญาจ้างการบริหารจัดการเดินรถเชิงคุณภาพ (PBC) เต็มรูปแบบเมื่อมีการจัดหารถใหม่เอ็นจีวีมาวิ่งให้บริการครบจำนวน 4,000 คัน แต่เนื่องจากโครงการจัดหารถใหม่เอ็นจีวี ยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน ขสมก.จึงทดลองใช้สัญญาการบริหารจัดการเดินรถเชิงคุณภาพแบบผ่อนปรน (ไม่เต็มรูปแบบ) ไปก่อน โดยใช้รถเมล์สาย 522 รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยฯ (ทางด่วน) เป็นสายนำร่องจำนวน 40 คัน โดยทำสัญญากับบริษัท พรีเมี่ยม แมนเนจเมนท์ จำกัด ระยะเวลา 10 ปี ใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง เริ่มเดินรถตามสัญญาตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.54 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทจะจ่ายค่าตอบแทนรายวันให้แก่ ขสมก. ตั้งแต่เริ่มเดินรถจนถึงวันที่ 31 ส.ค.55 ในอัตราวันละ 60 บาท/ คัน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.55 จะมีการหารืออัตราค่าตอบแทนกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถจัดรถเข้าทดแทนได้ภายในกำหนดกรณีรถเสียจะต้องเสียค่าปรับให้ขสมก. 600 บาท/ชั่วโมง



ที่มา : นสพ.ข่าวสด

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObFkyOHdPREl6TURVMU5BPT0=§ionid=TURNd05RPT0=&day=TWpBeE1TMHdOUzB5TXc9PQ==
หัวข้อนี้นำมาจากกระทู้: ขสมก.จ้างเอกชนนำร่องเมล์เอ็นจีวี เริ่มโดย busphoto ชมโพสต้นฉบับ