ผู้กำกับ โบแอซ ยาคิน
นักแสดง เจสัน สเตทแธม, แคทเธอรีน ชาน, คริส ซาแรนดอน
เหม่ย (แคทเธอรีน ชาน) เป็นอัจฉริยะคณิตศาสตร์ชาวจีนวัย 10 ขวบ ซึ่งถูกองค์กรมือลักพาตัวจากบ้านของเธอที่เมืองนานกิง ก่อนที่ฮันเจียว (เจมส์ ฮอง) หัวหน้าองค์กรมืด ส่งตัวเธอไปยังสหรัฐฯ ที่ซึ่งเธอจะทำหน้าที่เป็น "เคาน์เตอร์" สำหรับองค์กรผิดกฎหมายที่ใช้ขู่กรรโชกของพวกเขา
ในเมื่อไม่มีทั้งคอมพิวเตอร์ และร่องรอยเอกสารใดๆ เธอเก็บตัวเลขทั้งหมดนั้นไว้ในหัวของเธอ หนึ่งปีให้หลัง ชาง (เรจจี ลี) พ่อบุญธรรมคนใหม่ของเธอ ก็พาเธอมาด้วยเพื่อนับตัวเลข ขณะที่เขาจัดการเรื่องธุรกิจของตัวเอง
เมื่อลุ๊ค ไรท์ (เจสัน สเตแธม) นักสู้มือรองบ่อนจากวงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานในนิวเจอร์ซีย์ ทำให้แผนการล้มมวยต้องพังพินาศลง แก๊งมาเฟียรัสเซียก็จัดการเชือดไก่ให้ลิงดู ด้วยการสังหารภรรยาของเขาและขู่จะฆ่าทุกคนที่เขาผูกมิตรหรือมีความสัมพันธ์ด้วย ตอนนี้ลุ๊ค ที่เป็นคนบ้านแตกสาแหรกขาด ยากแค้นและแปลกแยกจากคนในสังคม ได้ร่อนเร่ไปตามท้องถนนในนิวยอร์กราวกับวิญญาณ ที่ก้าวสู่ขอบเหวของการฆ่าตัวตาย
ที่สุดเขาก็ได้มาเจอกับเหม่ย และนั่นทำให้เขาต้องมีหน้าที่เพิ่มอีกเป็นสองเท่า หนึ่งคือช่วยเหลือเด็กหญิงให้รอดพ้นจากแก๊งอาชญากร และสอง คือการเอาชนะแก๊งมาเฟียรัสเซีย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์กผู้ฉ้อฉลด้วยสติปัญญาที่เขามีอยู่
Lockout แหกคุกกลางอวกาศ
ผู้กำกับ เจมส์ แมตเตอร์, สตีเฟ่น เซนต์ ลีเจอร์
นักแสดง กาย เพียร์ซ, แมกกี้ เกรซ, ปีเตอร์ สตอแมร์
หนังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนยาน"เอ็มเอส-วัน" ยานอวกาศที่ล้ำสมัยที่สุดแห่งโลกอนาคต ที่อาชญากรสุดอันตรายกว่า 500 คน ถูกขังเอาไว้ในสภาวะจำศีล
อย่างไรก็ตามเมื่อ เอมิลี่ (แม็กกี้ เกรซ) ลูกสาวประธานาธิบดีสหรัฐ ขึ้นไปทำปฏิบัติภารกิจเรื่องสิทธิมนุษยชน เหล่านักโทษก็ตื่นขึ้นมาและยึด เอ็มเอส-วัน เอาไว้ได้ ด้วยเวลาและหนทางที่เหลืออยู่ไม่มาก ประธานาธิบดีจำเป็นต้องส่งอดีตเจ้าหน้าที่ฝีมือดี แต่บ้าระห่ำอย่าง สโนว์ (กาย เพียร์ซ) ขึ้นไปบน เอ็มเอส-วัน โดยมีภารกิจเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ช่วยลูกสาวของเขากลับมาสู่โลกให้ได้
From Up On Poppy Hill ป๊อปปี้ ฮิลล์ ร่ำร้องขอปาฏิหาริย์
ผู้กำกับ โกโร่ มิยาซากิ
ให้เสียงพากษ์ มาซามิ นางาซาวะ, จูนิชิ โอกาดะ, เคโกะ ทาเกชิตะ, ยูริโกะ อิชิดะ, รูมิ ฮิอิรางิ , จุน ฟูบุกิ
"สตูดิโอ จิบลิ" เจ้าของผลงานภาพยนตร์แอนิเมชัน ที่คอภาพยนตร์ญี่ปุ่นน่าจะรู้จักกันป็นอย่างดี นับตั้งแต่ Ponyo on the Cliff by the Sea (โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย) และ Arrietty (อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว) ครั้งนี้จิบลิได้นำภาพยนตร์เรื่องใหม่ FROM UP ON POPPY HILL หรือ ป๊อปปี้ ฮิลล์ ร่ำร้องขอปาฏิหาริย์ เป็นผลงานของผู้กำกับ โกโระ มิยาซากิ จาก Tales from Earthsea
From Up On Poppy Hill ดัดแปลงจากนิยายภาพเรื่อง Kokurikozaka Kara โดยจิซึรุ ทากาฮาชิและเท็ตสึโระ ซายามะ ที่ตีพิมพ์ในหนังสือการตูนชุด"นากาโยชิ" โดยสำนักพิมพ์โคดันฉะ ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม-สิงหาคม 1980 หนังเล่าเรื่องราวความรักอันแสนบริสุทธิ์ของหนุ่มสาวที่มีฉากหลังปี 1963 ก่อนที่จะมีการจัดโตเกียว โอลิมปิคในปีถัดมา ในตอนที่ญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนแปลงจากยุคของความสับสนหลังความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สองไปสู่ยุคของการเติบโตอย่างสูงทางเศรษฐกิจ อุมิ เป็นเด็กนักเรียนไฮสคูล ได้พบและตกหลุมรัก ชุน เด็กหนุ่มที่โรงเรียน และทั้งคู่ก็ได้เรียนรู้และเติบโตผ่านความรักของพวกเขาด้วยกัน
ผู้กำกับ โกโระ มิยาซากิ กล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1963 ก่อนที่จะมีการจัดโตเกียว โอลิมปิค ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนแปลงจากยุคของความสับสนหลังความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ไปสู่ยุคของการเติบโตอย่างสูงทางเศรษฐกิจ นางเอกของเรื่อง ที่เป็นเด็กนักเรียนไฮสคูล ได้พบและตกหลุมรักเด็กหนุ่มที่โรงเรียน และทั้งคู่ก็ได้เรียนรู้และเติบโตผ่านความรักของพวกเขาด้วยกัน
เราไม่อยากจะสร้างเรื่องราวที่เกี่ยวกับการโหยหาอดีต หรือพูดว่า "โน่นเป็นอดีตที่สวยงาม" อย่างเดียว แต่เราอยากจำเสนอสายสัมพันธ์ใกล้ชิดและแรงสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างเด็กหนุ่มและเด็กสาว พ่อแม่และลูกๆ เป็นสายสัมพันธ์ที่ยังคงล้ำค่า ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งในตอนนี้และในตอนนั้น เรารู้สึกเป็นพิเศษถึงความสำคัญของสายสัมพันธ์และแรงสนับสนุนเช่นนั้นในปัจจุบันนี้ หลังจากเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อเร็วๆนี้
เข้าฉายเฉพาะโรงภาพยนตร์ลิโด้ สยามแสควร์
อสรพิษ
ผู้กำกับ จารุณี ธรรมยู
นักแสดง: นนท์พิเชษฐ์ วงศ์ชนกศิริกุล, ปรีชา เกตุคำ, ชยุตพล บำเพ็ญ, ชัยชนะ บุญนะโชติ
ผู้ประพันธ์นิยายต้นฉบับ: แดนอรัญ แสงทอง
เรื่องราวความใฝ่ฝันของ "แป" เด็กชายชาวนาผู้พิการ หมู่บ้านแพรกหนามแดง ที่ตั้งอยู่ในชนบทแถบภาคกลางของไทย แปมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนเพียงชั้น ป.4 และต้องช่วยพ่อแม่ซึ่งมีอาชีพชาวนาและรับจ้าง โดยเลี้ยงวัวอยู่ในท้องนา ครอบครัวของแปมีความขัดแย้งกับทรงวาด ร่างทรงเจ้าแม่แพรกหนามแดงซึ่งเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลในท้องถิ่น เนื่องจากพ่อแม่ของเขาไม่เชื่อว่าทรงวาดจะเป็นร่างทรงจริง ทั้งยังขาดความเคารพเชื่อถือทรงวาดดังเช่นคนอื่น ๆ ซ้ำยังต่อต้าน เพราะเห็นว่าทรงวาดนั้นหลอกลวงชาวบ้านและใช้อิทธิพลของตนเพื่อผลประโยชน์ของตน โดยยึดที่ดินสาธารณะมาเป็นที่ดินของส่วนตัว โดยอ้างชื่อเจ้าแม่แพรกหนามแดง และแปเองก็มีเรื่องชกต่อยกับลูกชายเกเรของทรงวาด ทรงวาดจึงเกิดความไม่พอใจต่อเขาและ ครอบครัวอยู่ไม่น้อย
เย็นวันหนึ่ง แปโชคร้ายถูกงูเห่ายักษ์ออกจากโพรงพุ่งเข้าฉก แต่แปก็ใช้มือข้างเดียวที่มีกำลังคว้าคองูยักษ์นั้นไว้ได้ทัน มันจึงยิ่งทวีความอาฆาต ตวัดรัดร่างของเขาไว้อย่างเหนียวแน่น เขาต้องทานกำลังของงูที่หมายจะฝังเขี้ยวพิษของมันลงบนร่างของเขาเพื่อเอาชีวิต เขาทรงตัวไว้ไม่อยู่จึงล้มลงฟาดกับซากขอนตาลที่ถูกโค่น หน้าตาบวมปูดบูดเบี้ยว เลือดกลบหน้า ทว่าคอของงูยังอยู่ในมือและงูก็ยังรัดเขาแน่น และยิ่งแน่นขึ้น เพื่อนฝูงที่อยู่รอบข้างต่างหนีกระเจิงกันไปตั้งแต่ที่งูปรากฏตัว ด้วยอิทธิพลความเชื่อของชาวบ้าน จึงไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย และยากที่จะช่วยได้ แม้แต่พ่อของเขาก็ถูกขัดขวาง เขาจึงต้องต่อสู้กับชะตากรรมของตนเองเพียงลำพัง
"อสรพิษ" สร้างจากนิยายขนาดสั้นของแดนอรัญ แสงทอง ซึ่งเป็นนามปากกาของ เสน่ห์ สังข์สุข ศิลปินดีเด่นรางวัลศิลปาธร สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2553 ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ 8 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี สเปน โปรตุเกส คาตาลัน และกรีก มียอดตีพิมพ์มากกว่าแสนเล่มทั่วยุโรป และมีการจัดพิมพ์เป็นหนังสือเฉพาะสำหรับผู้มีปัญหาทางสายตา รวมทั้งมีการบรรจุให้เป็นหนังสือ อ่านนอกเวลาของหลายมหาวิทยาลัยในประเทศแถบยุโรป
นอกจากนี้ยังได้สร้างแรงบันดาลใจ แก่คณะละครในฝรั่งเศสในการนำไปดัดแปลงเป็นละครเวทีด้วย รวมทั้งผลงานนิยายอย่าง "เงาสีขาว" และ "เจ้าการะเกด" ก็ได้สร้างความประทับใจและประจักษ์ในฝีมือและความสามารถ แก่ชาวยุโรปทั้งหลายเช่นกัน จนกระทั่ง แดนอรัญ แสงทอง ได้รับอิสริยาภรณ์ในลำดับชั้นอัศวิน ด้านศิลปะและอักษร (Chevalier De L′Ordre Des Arts Des Lettres) จาก กระทรวงวัฒนธรรม และการสื่อสารของประเทศฝรั่งเศส โดยเป็นนักเขียนชาวไทย "คนแรก" และ "คนเดียว" ที่ได้รับเกียรติยศนี้ และเมื่อนำมาอสรพิษมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ก็ได้รับทุนสนับสนุนงบประมาณการสร้างจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ในกองทุนส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ กระทรวงวัฒนธรรมไทย ประจำปี 2553 และได้จัดฉายในส่วน "ไทยฟิล์ม โชว์เคส" ณ เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ปี 2554
เข้าฉายเฉพาะโรงภาพยนตร์ลิโด้ สยามสแควร์ ตั้งแต่ 26-29 เมษายน 2555
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1335514333&grpid=01&catid=08&subcatid=0809