สธ.เตรียมเสนอเพิ่มโรงงาน รัฐวิสาหกิจ และบนรถยนต์ทุกชนิด เป็นเขตปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประจำปี 2555 วันนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติ ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 รวม 4 ฉบับ ซึ่งเป็นการขยายพื้นที่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มากขึ้น จากเดิมที่ห้ามขายและห้ามดื่ม เฉพาะในศาสนสถาน สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ สถานที่ราชการ ปั๊มน้ำมัน สวนสาธารณะ และหอพักนักศึกษา ให้เพิ่มพื้นที่ในโรงงาน รัฐวิสาหกิจ และบนรถยนต์ทุกชนิดให้เป็นพื้นที่ปลอดแอลกอฮอล์ด้วย
หลังพบสถิติอุบัติเหตุเมาแล้วขับโดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวจะมีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจะนำเสนอคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่จะประชุมในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ให้พิจารณา ก่อนเสนอนายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศ ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยจะเป็นการเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 1 ว่าด้วยการห้ามขายหรือห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ประกอบกิจการ โรงงานในส่วนที่เป็นอาคาร หรือมียานพาหนะที่ใช้เครื่องจักรที่มีกำลังรวมตั้งแต่ 5 แรงม้าขึ้นไป หรือใช้คนงานตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป
ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 2 ว่าด้วยการห้ามขายหรือห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ เช่นองค์กรมหาชน โดยกำหนดให้ขายได้เฉพาะในบริเวณที่จัดเป็นร้านค้าหรือสโมสร และที่พักส่วนบุคคล และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 3 ว่าด้วยการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรถยนต์ทุกประเภทตั้งแต่ 3 ล้อขึ้นไป ทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร ส่วนร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการห้ามขายหรือห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางสาธารณะเพื่อการจราจรทางบก ตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ได้แก่ ถนนสาธารณะ ไหล่ทาง และทางเท้า ที่ประชุมได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไปทำความเข้าใจและศึกษาผลกระทบเรื่องการห้ามดื่มบนทางสาธารณะกับผู้เกี่ยว ข้อง คือ ประชาชน และผู้ดูแล ผู้บังคับใช้กฎหมาย คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสรรพสามิต และกรุงเทพมหานคร และให้นำข้อมูลที่ได้เสนอเข้าที่ประชุมในครั้งต่อไป
จาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1336134481&grpid=03&catid=00&subcatid=0000 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น